เรียน แอดมิน
หากบริษัทฯ ต้องการจะนำสินค้ากึ่งสำเร็จรูปหรือเป็นวัตถุดิบที่ทำบางส่วนนำเข้ามา (โดยผลิตไม่ครบตามขั้นตอนค่ะ) เพื่อผลิตและส่งออก
และบริษัทฯ จะใช้ในระยะเวลานึงคะ อาจจะประมาณ 6 เดือน
คำถามคือ
ขอคำแนะนำหน่อยนะค่ะ
ขอบคุณค่ะ
จะต้องพิจารณาว่า ชิ้นงานกึ่งสำเร็จรูปที่จะนำเข้ามานั้น เป็นสาระสำคัญของโครงการมากหรือน้อยเพียงใด
โดยใช้แนวความคิดว่า หากบริษัทยื่นขอรับส่งเสริม โดระบุตั้งแต่ต้นว่าจะนำเข้าชิ้นงานสำเร็จรูป มาประกอบกับชิ้นส่วนอื่นเป็นสินค้า จะถือว่ามีกรรมวิธีการผลิตที่ทันสมัย และมีมูลค่าเพิ่มเป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือไม่
1.กรณีที่อยู่ในข่ายได้รับส่งเสริมตั้งแต่ต้น เช่น เนื่องจากยังมีขั้นตอนการผลิตอื่น ที่มีมูลค่าเพิ่มเป็นไปตามหลักเกณฑ์การให้ส่งเสริม
- แนะนำให้ยื่นแก้ไขกรรมวิธีการผลิต เป็นการผลิตหรือนำเข้าชิ้นส่วนกึ่งสำเร็จรูปดังกล่าวแล้วแต่กรณี (คือบางรุ่นผลิตเอง บางรุ่นนำเข้า ตามความต้องการของลูกค้า)
2.กรณีที่ไม่อยู่ในข่ายได้รับส่งเสริมตั้งแต่ต้น เช่น ขั้นตอนการผลิตส่วนที่เหลือ ที่มีมูลค่าเพิ่มต่ำกว่าหลักเกณฑ์ที่จะให้การส่งเสริม
- ให้ยื่นแก้ไขกรรมวิธีการผลิตเพื่อขอใช้วัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งมี 2 กรณี คือ
2.1) ขอผ่อนผันไม่เกิน 10% ของปริมาณการผลิตในแต่ละปี หรือ
2.2) ขอผ่อนผันโดยระบุจำนวนและระยะเวลาที่ชัดเจน เช่น 50,000 ชิ้น ภายในเวลา 4 เดือน เป็นต้น ซึ่งอาจเกิน 10% ของปริมาณการผลิตต่อปีก็ได้ แต่จะต้องมีเหตุผลรองรับที่ชัดเจน เช่น เครื่องจักรเสีย เป็นต้น
กรณีที่ 1 เป็นการแก้ไขกรรมวิธีผลิตเป็นการถาวร ซึ่งจะนำเข้าชิ้นส่วนกึ่งสำเร็จรูปได้ตลอดไป จึงจะทำบัญชีวัตถุดิบในข่ายสต็อกหมุนเวียน เช่นเดียวกับกรณีปกติ
กรณีที่ 2 เป็นการแก้ไขกรรมวิธีผลิตแบบมีข้อจำกัดปริมาณนำเข้า จึงจะทำบัญชีวัตถุดิบในข่าย Max Import ครับ
ขอบคุณมากค่ะ