1.2 มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจดทะเบียนไม่เกิน 3 ต่อ 1 สำหรับโครงการริเริ่ม ส่วนโครงการขยายจะพิจารณาตามความเหมาะสมเป็นรายๆไป
ถ้าบริษัท จะขอรับการส่งเสริมของโครงการขยายในปีนี้ และไม่มีความประสงค์จะเพิ่มทุน แต่กำไรสะสมก้อไม่เหลือแล้ว เนื่องจากมีโครงการที่ยื่นขอก่อนหน้านั้นไปก่อนแล้ว 2 โครงการ คำถามคือ บริษัทยื่นคำขอโดยใส่ข้อมูลในหน้าการเงินว่าไม่เพิ่มทุน และใช้กำไรสะสม(ของปีนี้ที่งบยังไม่ออก)จะได้หรือเปล่าค่ะ
การไม่เพิ่มทุน เท่ากับว่า เงินลงทุนทั้งหมดของกิจการขยาย จะต้องมาจากเงินกู้ หรือกำไรสะสม
(1) หากบริษัทไม่มีกำไรสะสม ก็ต้องกู้มาทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ "หนี้สินตามงบที่รับรองแล้ว + เงินลงทุนของกิจการขยาย" ต่อ "ส่วนผู้ถือหุ้นตามงบที่รับรองแล้ว" ้เป็นเท่าไร
(2) หรือหากจะใช้งบที่ยังไม่ผ่านการรับรองจากผู้สอบบัญชี ซึ่งบริษัทอ้างว่ามีกำไรสะสม จะทำให้ "หนี้สินตามงบที่ยังไม่รับรอง + เงินลงทุนของกิจการขยาย" ต่อ "ส่วนผู้ถือหุ้นตามงบที่ยังไม่รับรอง") เป็นเท่าไร
การจะใช้งบการเงินที่ผู้สอบบัญชียังไม่ได้รับรอง สามารถยื่นเป็นเอกสารประกอบการพิจารณาเพิ่มเติมได้
แต่บริษัทต้องชี้แจงด้วยว่า เหตุใดในปีปัจจุบันจึงเกิดกำไรมากเพียงพอที่จะใช้เป็นเงินลงทุนของโครงการขยาย
ยกตัวอย่างเช่น ปีแรกบริษัทอาจขาดทุนสูงมาก แต่ตั้งแต่ปีที่ 2 มีกำไรสะสมเพิ่มขึ้นทุกปีมาโดยตลอด และล้างขาดทุนสะสมได้ในปีที่แล้ว ดังนั้น งบของปีนี้จึงน่าจะต้องมีกำไรสะสมเกิดขึ้นแน่นอน กรณีเช่นนี้ก็น่าจะใช้งบที่ยังไม่ผ่านการรับรองยื่นได้ แต่ยื่นแล้วจะทำให้สัดส่วน D:E ตามข้อ (2) อยู่ในเกณฑ์เท่าใด และจะได้รับนุมัติหรือไม่ ต้องให้ BOI พิจารณาเป็นกรณีๆ ไปครับ
เรียน Admin,
ขอรบกวนสอบถามค่ะ ในการคิดมูลค่าเพิ่มของโครงการ จะคิดที่ปีที่ 3 หรือไม่คะ ยกตัวอย่างค่ะ บริษัทมีผลิตภัณฑ์ หลัก 2 รายการ
รายการแรกคิด มูลค่าเพิ่ม ติดลบ รายการที่ 2 ได้มูลค้าเพิ่ม 60 % เมื่อนำมารวมกันได้ 31 %
อยากสอบถามวิธีคิดที่ถูกต้องค่ะว่า เราต้องคิดทีละผลิตภัณฑ์หรือ คิดรวมกันแบบนี้ได้ และคิดที่ปีไหนค่ะ
ขอบคุณค่ะ
มูลค่าเพิ่มของโครงการ จะคำนวณจากปีที่ 3 ตามข้อมูลในคำขอรับการส่งเสริม ซึ่งปกติจะกรอกข้อมูลของปีที่ 3 ว่าเป็นปีที่มีกำลังผลิตตามโครงการที่ขอรับส่งเสริม
กรณีที่มีผลิตภัณฑ์หลายชนิด ก็จะคำนวณจากข้อมูลของปีที่ 3 ซึ่งเป็นข้อมูลรวม ของทุกผลิตภัณฑ์ ครับ
ขอบคุณมากค่ะ