ในกรณีที่ สิทธิฯ ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร สิ้นสุดวันที่ 30 ม.ค. และบริษัท ต้องเปิดดำเนินการภายใน 30 มิ.ย.
แต่ระหว่างวันที่ 1 ก.พ. - 29 มิ.ย. บริษัทมีการซื้อเครื่องจักรเข้ามาใช้เพิ่มเติมในโครงการ (ทั้งนำเข้าและซื้อในประเทศ) บริษัทฯ สามารถนำมูลค่าของเครื่องจักรที่ซื้อมาในช่วงระยะเวลาดังกล่าว มารวมคำนวนเป็นวงเงินที่จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้หรือไม่คะ
รบกวนขอคำแนะนำหน่อยนะคะ
การคำนวณขนาดการลงทุนเพื่อนับเป็นวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สามารถนับได้ถึงวันที่บริษัทขอยุติการนับขนาดการลงทุน ซึ่งต้องไม่เกินวันครบกำหนดเปิดดำเนินการ
กรณีที่สอบถามข้างต้น หากบริษัทยื่นคำขอเปิดดำเนินการในวันที่ 30 มิย ก็สามารถกำหนดวันยุติการนับขนาดการลงทุนเป็นวันที่ 30 มิย และนำมูลค่าเครื่องจักรที่ซื้อมาระหว่าง 1 กพ - 29 มิย มารวมนับเป็นขนาดการลงทุนได้ แม้ว่าเครื่องจักรนั้นจะชำระภาษีอากรเข้ามาเองก็ตาม แต่ทั้งนี้ต้องเป็นเครื่องจักรที่ถูกต้องตามตามเงื่อนไขของโครงการ (เช่น เป็นเครื่องจักรใหม่ ในกรณีมีเงื่อนไขให้ใช้เครื่องจักรใหม่ เป็นต้น)
(ปล. หากระยะเวลานำเข้าเครื่องจักรสิ้นสุดในวันที่ 30 มค ระยะเวลาเปิดดำเนินการน่าจะนับไปอีก 6 เดือน คือ 30 กค ไม่น่าจะใช่ 30 มิย ครับ)
บริษัทต้องการใช้สิทธิและประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล อยากทราบว่าบริษัทสามารถระบุปริมาณการจำหน่าย/การให้บริการ ในข้อ 1.4 ตามแบบฟอร์มขอใช้สิทธิฯ เกิน ปริมาณกำลังผลิต/ขนาดบริการที่ระบุในบัตรส่งเสริมได้หรือไม่
ขอบคุณมากค่ะ
แบบคำขอใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ข้อ 1.4
ช่องที่ 5 ให้ระบุปริมาณการจำหน่ายตามจริง ซึ่งอาจจะเกินกำลังผลิตในบัตรส่งเสริมก็ได้
แต่ช่องที่ 6 ปริมาณที่ขอใช้สิทธิ จะต้องไม่เกินกว่ากำลังผลิตในบัตรส่งเสริม และไม่เกินกว่ากำลังผลิตของเครื่องจักรที่ติดตั้งแล้วครับ
ถามต่อ..จากแบบคำขอใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ข้อ 1.4
ถ้าในช่องที่ 6 ถ้าปริมาณที่ขอใช้สิทธิ เกินกว่ากำลังผลิตในบัตรส่งเสริม แต่ไม่เกินกว่ากำลังผลิตของเครื่องจักรที่ติดตั้งแล้ว สามารถขอใช้สิทธิได้หรือไม่ (กรณีเป็นบัตรส่งเสริมเพื่อช่วยเหลือวิกฤตอุทกภัย)
รบกวนชี้แจงหน่อยค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ
การยกเว้นภาษีเงินได้ จะยกเว้นตามเงื่อนไขที่ระบุในบัตรส่งเสริม
กรณีที่มีเครื่องจักรเกินกว่ากำลังผลิตในบัตรส่งเสริม จะใช้สิทธิยกเว้นภาษีได้ไม่เกินกำลังผลิตในบัตรส่งเสริม
แต่ในขั้นเปิดดำเนินการเต็มโครงการ บริษัทสามารถขอแก้ไขกำลังผลิตในบัตรส่งเสริม ให้ตรงกับกำลังผลิตของเครื่องจักรที่มีอยู่จริงได้
หลังจากแก้ไขตัวเลขกำลังผลิตในบัตรส่งเสริม บริษัทจะสามารถใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามกำลังผลิตที่แก้ไขใหม่นี้ได้ แต่จะไม่ย้อนหลังไปถึงรายได้ก่อนหน้านั้น
----------------------------------------------------------------------------
ในบัตรส่งเสริมของคุณ fndt ที่ออกตามนโยบายฟื้นฟูการลงทุนจากวิกฤติอุทกภัย มีเงื่อนไขที่ระบุว่าจะให้สิทธิมากกว่ากำลังผลิตไหมครับ
ถ้ามี รบกวนช่วยก็อปปี้ข้อความลงมาให้หน่อย จะได้ไปตรวจสอบให้ครับ
ADMIN ไม่ค่อยเจอเคสของกิจการฟื้นฟูอุทกภัยเท่าไร จึงอยากจะได้ข้อมูลมากกว่านี้หน่อยครับ
เรียนคุณ ADMIN ตามบัตรส่งเสริมไม่มีระบุว่าจะให้สิทธิมากกว่ากำลังผลิตค่ะ แต่จะมีระบุว่าให้ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 31 มีมูลค่าเท่าไหร่ไว้ค่ะ
ขอรบกวนสอบถามเพิ่มเติมอีกนิดนึงนะคะ ตามประกาศ แนวปฏิบัติตามมาตรการด้านภาษีอากรเพื่อฟื้นฟูการลงทุนจากวิกฤตอุทกภัย ลว.28 ต.ค. 2556
คำถาม ตามข้อ 3 ในประกาศ
- บริษัทฯได้รับสิทธิบัตรเดิม 8 ปี แต่ใช้ไปแค่ 4 ปี บริษัทฯ สามารถใช้บัตรเดิมอีกได้หรือไม่ในรอบปีบัญชี 1 ต.ค 2556 ถึง 30 ก.ย. 2557
- บริษัทฯได้กำหนดวันเริ่มใช้สิทธิตามบัตรใหม่ไว้ 1 ต.ค 2556 โดยกรอกไว้ในแบบฟอร์มขอสิทธิของปี 2556 ถ้าจะเลื่อนเป็นเริ่มใช้สิทธิบัตรใหม่วันที่ 1 ต.ค 2557 ถือว่าทำผิดเงื่อนไขใดๆ หรือไม่
รบกวนสรุปให้หน่อยค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ
1. การใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ จะต้องไม่เกินกำลังผลิตในบัตรส่งเสริม และไม่เกินวงเงินสูงสุดที่ระบุในบัตรส่งเสริม (ซึ่งเปลี่ยนแปลงได้ ณ วันเปิดดำเนินการ)
- ดังนั้น หากปริมาณยอดขายเกินกว่ากำลังผลิตในบัตรส่งเสริม ก็จะใช้สิทธิได้เพียงเท่ากับกำลังผลิตในบัตรส่งเสริมเท่านั้น
=========================================================
สำหรับคำชี้แจง เรื่อง แนวทางปฏิบัติตามมาตรการเพื่อฟื้นฟูการลงทุนจากวิกฤติอุทกภัย ลว 28 ตค 56 ขอตอบตามนี้ครับ
ถาม 1 : โครงการเดิมได้รับสิทธิ 8 ปี แต่ใช้ไปแล้ว 4 ปี จะสามารถใช้สิทธิในรอบปี ตค 56 - กย 57 ได้หรือไม่
ตอบ 1 : คำชี้แจงข้อ 3.1.1 ระบุว่า โครงการเดิมสามารถใช้สิทธิได้จนถึงวันที่มีประกาศยกเลิกบัตรส่งเสริม
=========================================================
สำหรับคำถามที่ 2 เนื่องจากโครงการเดิม จะต้องทำเรื่องโอนเครื่องจักรที่ยังสามารถใช้งานได้ ไปยังโครงการใหม่ภายใน 3 เดือนนับจากวันออกบัตรฉบับใหม่ ดังนั้น การขอใช้สิทธิตามโครงการเดิมอีกเป็นปีๆ จึงไม่น่าเกิดขึ้นได้
ขอทราบข้อเท็จจริงก่อนดีไหมครับว่า โครงการเดิมถูกยกเลิกบัตรไปเมื่อใด เพราะถ้ายกเลิกไปตั้งแต่ช่วง ตค 56 รายได้ที่เกิดหลังจากนั้น ก็ต้องใช้สิทธิตามบัตรใหม่เท่านั้น ไม่มีทางเลือกอื่นครับ
เข้าใจทุกประเด็นที่ทาง ADMIN ชี้แจงอย่างชัดเจนค่ะ
โครงการเดิมไม่ได้ทำเรื่องยกเลิกแต่อย่างใดค่ะ เพราะจากการสอบถามเบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่ ได้ความว่าบัตรส่งเสริมเดิมจะได้รับการยกเลิกโดยอัตโนมัติค่ะ เมื่อมีบัตรส่งเสริมใหม่ออกมาแล้วค่ะ คุณ ADMIN พอจะแนะนำประกาศที่แสดงข้อความว่ายกเลิกบัตรเดิมกรณีฟื้นฟูอุทกภัยได้หรือไม่คะ อยากได้เป็นข้อมูลเก็บไว้ค่ะ
ตอนแรกทางบริษัทฯ สับสนในการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพราะ คำชี้แจงข้อ 3.2.3 ระบุว่า กรณีโครงการใหม่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมขณะที่โครงการเดิมยังมีสิทธิและประโยชน์เหลืออยู่ ผู้ได้รับการส่งเสริมอาจใช้สิทธิและประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลต่อเนื่องกันได้ โดยผู้ได้รับการส่งเสริมเลือกวันใดวันหนึ่งเป็นวันสิ้นสุดการใช้สิทธิของโครงการเดิมให้ชัดแจ้ง แต่ต้องไม่ก่อนวันอนุมัติโครงการใหม่ ส่วนโครงการใหม่ให้เริ่มนับระยะเวลาถัดจากวันสิ้นสุดการใช้สิทธิของโครงการเดิม
แต่เนื่องจาก บริษัทได้กำหนดวันเริ่มใช้บัตรใหม่ในแบบฟอร์มปีที่แล้วเป็น 1 ต.ค. 2556 และวันสิ้นสุดการใช้บัตรเดิมเป็น 30 ก.ย.2559 ค่ะ สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจะคล่อมกันอยู่ค่ะเลยทำให้ทางบริษัทฯ ไม่แน่ใจว่าจะใช้บัตรเดิมหรือบัตรใหม่แล้วผิดเงื่อนไขใดๆ กับทางบีโอไอหรือสรรพากรหรือไม่ อย่างไรค่ะ
หากคุณ ADMIN มีข้อมูลแนะนำในส่วนนี้ยินดีรับคำชี้แจงเป็นอย่างยิ่งค่ะ ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ
ข้ออภัยค่ะ บัตรส่งเสริมเดิมมีสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 7 ปีค่ะ
ในการยกเลิกบัตรเก่า บีโอไอจะออกประกาศยกเลิกบัตร และส่งประกาศให้บริษัททางไปรษณีย์
ในทางปฏิบัติ บัตรเก่าน่าจะถูกยกเลิกก่อนที่ BOI จะออกบัตรใหม่
มิฉะนั้น บริษัทจะถือบัตรส่งเสริมพร้อมกัน 2 ฉบับ ในโครงการเดียวกัน ซึ่งไม่น่าจะถูกต้อง
กรณีของคุณ fndt เป็นไปได้หรือไม่ว่า BOI ส่งประกาศยกเลิกบัตรไปแล้ว แต่บริษัทไม่ได้รับ หรือได้รับแล้วแต่อาจเกิดความเข้าใจผิด เป็นต้น
หากตรวจสอบแล้วว่า บริษัทยังไม่ได้รับประกาศยกเลิกบัตรเก่าจาก BOI ขอให้ติดต่อกับฝ่ายกฎหมายและฝ่ายบัตรส่งเสริมของ BOI เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบว่าได้มีการออกประกาศยกเลิกบัตรเก่าให้กับบริษัทแล้วหรือไม่
หากออกประกาศแล้ว แต่บริษัทไม่ได้รับ ก็ให้ทำเรื่องขอคัดสำเนาหรือตามที่เจ้าหน้าที่จะแนะนำต่อไป
กรณีมีการยกเลิกบัตรเก่าไปแล้ว ทำให้ระยะเวลาการยื่นขอใช้สิทธิภาษีเงินได้ของบริษัทไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ก็ควรปรึกษากับเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบงานบัญชีของสำนักที่รับผิดชอบกิจการของบริษัท เพื่อปรึกษาวิธีแก้ไขให้ถูกต้องต่อไปครับ
เรียนคุณ ADMIN กรณีที่ทางบริษัทต้องการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลครั้งแรกสำหรับบัตรส่งเสริมฟื้นฟูอุทกภัย (อ้างถึงแบบฟอร์ม F PM TA 01-01 ข้อ 1.3 การลงทุนเครื่องจักรและอุปกรณ์) บริษัทสามารถระบุค่าซ่อมแซมเครื่องจักร และค่าเครื่องจักรที่ลงทุนใหม่ ตั้งแต่วันที่กำหนดว่ามีการซื้อครั้งแรกในปี 2554 จนถึง ณ วันสิ้นรอบบัญชีปีที่ขอใช้สิทธิฯ วันที่ 30 ก.ย 2557 ถูกต้องหรือไม่ รบกวนแนะนำหน่อยค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ
เงินลงทุนเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่จะกรอกในข้อ 1.3 ต้องเป็นเครื่องจักรที่ซื้อมาหลังจากวันที่ยื่นขอรับการส่งเสริมเท่านั้น
หากบริษัทซื้อเครื่องจักรมาก่อนหน้าที่จะยื่นคำขอ จะต้องอธิบายรายละเอียดให้ชัดเจนในขั้นชี้แจงโครงการ โดย BOI จะพิจารณาเหตุผลเป็นกรณีๆไป และอาจอนุญาตให้นับเครื่องจักรนั้นเป็นขนาดการลงทุนของโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมได้ โดยจะระบุการอนุญาตให้ใช้เครื่องจักรที่ซื้อมาก่อนยื่นคำขอฯไว้ในบัตรส่งเสริมโดยชัดเจน
---------------------------------------------------------------------
กรณีที่สอบถาม จะขอย้อนกลับไปถึงปี 2554 ซึ่งน่าจะเป็นวันก่อนยื่นคำขอรับส่งเสริมตามนโยบายฟื้นฟูอุทกภัย จึงไม่สามารถทำได้
ให้ใส่เฉพาะเครื่องจักรและการซ่อมแซม ที่เกิดหลังจากวันที่ยื่นคำขอรับการส่งเสริมเท่านั้น
เว้นแต่ในบัตรส่งเสริมจะระบุไว้เป็นอย่างอื่น จึงจะสามารถรวมค่าเครื่องจักรก่อนนั้นได้ครับ
เนื่องจากวันที่ขอรับการส่งเสริมตามนโยบายฟื้นฟูที่ระบุในจดหมายเป็นวันที่ 25 ธันวาคม 2555 แต่บริษัทไม่แน่ใจว่ายึดได้หรือไม่ เพราะคนเก่าทำไว้ค่ะ บริษัทจะตรวจสอบวันที่ยื่นแน่นอนได้อย่างไรคะ หรือบริษัทควรใช้วันอนุมัติให้การส่งเสริมเป็นวันเริ่มนับเงินลงทุนดีคะ รบกวนปรึกษาอีกครั้งค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
เนื่องจากโครงการก่อนวิกฤตอุทกภัยเป็นโครงการโยกย้ายสถานประกอบการมา อยากทราบว่าในช่อง (2) และ (3) ตามข้อ 1.3 ต้องกรอกค่าซ่อมแซมเครื่องจักร และค่าเครื่องจักรที่ลงทุนใหม่ ทั้งสองช่องหรือไม่คะ และทั้งสองช่องมีความแตกต่างกันอย่างไรคะ ขอบพระคุณอย่างสูงอีกครั้งค่ะคุณ ADMIN
ช่อง 1.3 (2) คือ เครื่องจักรที่ซื้อมาใช้ในโครงการนั้นๆ
ส่วน 1.3 (3) คือ สินทรัพย์อื่นๆ เช่น ค่าก่อสร้าง ยานพาหนะ และอุปกรณ์สำนักงาน เป็นต้น
จึงเป็นค่าใช้จ่ายคนละรายการกัน
หากจะยื่นขอใช้สิทธิตามบัตรโยกย้ายสถานประกอบการ ไม่น่าจะนับค่าเครื่องจักรเป็นขนาดการลงทุนได้
เนื่องจากโครงการโยกย้าย ไม่ครอบคลุมถึงการปรับปรุงเครื่องจักรเก่าหรือซื้อเครื่องจักรมาเพิ่มเติมครับ